|
Post by พงศ์ on Mar 1, 2023 14:50:50 GMT 7
แยกเป็นกลุ่มๆแต่ละเดือน
|
|
|
Post by ❤️ ดี๋ Atom on Mar 2, 2023 10:19:54 GMT 7
🙏😄💕 อรุณสวัสดิ์เช้าวันพฤหัสครับครู
สมาธิ จนสัญญาลางเลือนหรือเกือบดับ มีนิดๆหน่อยๆ ผลุบๆโผล่ๆ นี่มันดูสงบดีมากเลยน่ะครับครู ตอนนั้น สังขารก็เกิดขึ้นน้อยมาก จิตมันนิ่ง สงบ วิเวก มาก แม้จะ ไม่มีปีติ และ สุข เป็นองค์สมาธิ แต่ความสงบ ที่ได้จากอุเบกขา กลับทรงอารมณ์สมาธิไว้ได้นานกว่า
เสียดายแต่ว่า พอเป็น อารัมมณูปนิชฌาน ก็กลายเป็น หินทับหญ้า พอเป็น ลักขณูปณิชฌาน ก็เดินวิปัสสนาได้น้อย อย่างนี้ใช่ไหมครับครู ที่เรียกว่าไม่เห็นทุกข์
แต่มันก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกันน่ะครับ บางทีทั้งกายทั้งจิต เราหมดเรี่ยวหมดแรงมาก พอได้ทำหน่อย มันคล้าย คอมที่ลง Windows ใหม่เลยครับ กลับมาสดชื่น มีเรี่ยวมีแรง และ ก็เดินจิต ภาวนา ตามรูปแบบปกติได้เร็วครับ
🙏💕😊 กราบขอบพระคุณครับครู
|
|
|
Post by Da - Thida on Mar 2, 2023 19:32:13 GMT 7
กราบครูฮิมค่ะ
ช่วงนี้พี่ดา เข้าฝึกรวมญาติ ได้บ่อยขึ้น มีคำถามในขณะเดินจงกรมดังนี้ค่ะ
1. ตอนฝึกอานาปานสติถ้าในขณะเดิน รู้กายเบามาก ๆ ใจเบามาก ๆ สว่างมาก ๆ และลมหายใจละเอียดมาก ๆ จนไม่รู้สึกถึงลมหายใจเข้าหรือออก เพราะมันเนียนมากจนเหมือนนิ่ง ถ้าเกิดสภาวะแบบนั้นต้องให้พิจารณาแบบไหนและจะต้องทำยังงัยต่อค๊ะ
2. เป็นความโชคดีของพี่ดาว่า ทุกครั้งที่ฝึกมักจะเกิดสภาวะต่าง ๆ ให้เห็นตามที่อาจารย์กำลังไกด์อยู่พอดี (ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอาจารย์เห็นสภาวะของเราในขณะนั้นหรือของคนอื่นแล้วพูดโดยรวมซึ่งจะตรงกันกับสภาวะของพี่ดาพอดี) จึงทำให้ได้เห็นภาพนั้นและเข้าใจได้ตามจริง เช่น ภาวะที่มีความคิดแทรกเข้ามา ภาวะหัวเสื่อ ท้ายเสื่อไม่เที่ยง หรือปิติมันอยู่ได้ไม่นาน ฯลฯ พอจิตมันเห็นตามจริงตามนั้นแล้วเกิดความเข้าใจด้วยจิตเอง เราจะทราบได้ยังงัยว่า จิตมันเข้าใจเองไม่ใช่เกิดจากความคิดที่เข้าใจตามเสียงอาจารย์อธิบาย ไม่ทราบว่าพี่ดาสามารถเทียบเคียงว่าในสภาวะถ้าจิตมีความเบาสบาย และยังสว่าง หรือสว่างขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่าเกิดจากความเข้าใจของจิต แต่สภาวะที่มันเข้าใจด้วยความคิดมันจะมีคลื่นความคิดแทรกเช่นแสงสว่างจะหายไปและมีแสงเหมือนคลื่นสีม่วงหรือเขียวปรากฏขึ้นมาเป็นระเรื่อ ๆ ได้หรือไม่
3. การเกิดภวังค์สามารถเกิดได้ตอนกายเคลื่อนไหวเร็วหรือไม่ เช่น ขณะเดินจงกรม (ปกติดาจะเดินเร็ว) ที่เคยถามครั้งก่อนจะเกิดภวังค์ตอนยืนนิ่ง ๆ แผ่เมตตากรุณาช่วงยืนรอฟังอาจารย์ตุลย์พูดนาน ๆ แต่ช่วงหลังถ้าเจอสภาวะตามข้อ 1 ขณะเดินจงกรมจะเหมือนเดินตกเหวเล็ก ๆ บางครั้ง (เคยเป็น 1 ครั้ง ยังไม่บ่อย) สภาวะภวังค์กับหลับในต่างกันใชมั๊ยค๊ะ (หวังว่าพี่ดาคงไม่ได้หลับใน เพราะไม่ได้ง่วงนอน)
4. ในกรณีที่ตกใจ / ใจหาย มีความเกี่ยวกับสภาวะใดของจิตหรือไม่ พอดีห้องที่ฝึกมันแคบและเล็ก ถ้าก้าวพลาดเยอะจะเตะโดนเฟอร์นิเจอร์ (ปกติไม่ค่อยพลาดเยอะ) แต่วันนี้พลาดอย่างจังซึ่งตอนนั้นจิตกำลังเป็นสมาธิและมีความสว่างอยู่ ช่วงที่เตะถูกรู้สึกใจมับวูบหวิวลงไปถึงท้องแบบตกใจ แต่ก็ไม่หยุดเดินยังเดินต่อไปเรื่อยเหมือนไม่เกิดอะไร และการรับรู้แสงสว่างกับกายยังปกติ ถ้าคนที่มีสมาธิแข็งและนิ่งจะไม่มีอาการตกใจง่ายใช่มั๊ยค๊ะ พี่ดาหมายถึงการวูบหรือไหวของจิต ไม่ทราบจะเกี่ยวข้องกันมั๊ย
กราบขอบพระคุณค่ะ
|
|
หลิว
New Member
Posts: 8
|
Post by หลิว on Mar 3, 2023 6:36:14 GMT 7
กราบขอบพระคุณพี่ฮิมเป็นอย่างสูงค่ะ หลิวรู้สึกดีกับอานาปานและสมถะขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าความกล้าเผชิญ ไม่กลัว ค่อยๆ ถูกสร้างขี้นกับจิตหลิว หลิวรู้สึกว่าหลิวเริ่มต้นใหม่ทุกอย่างได้ทุกขณะรู้ลมค่ะ
วันนี้เป็นไร้ตัวตน 100 เป็นครั้งที่ 2 ที่พี่ฮิมสกัดแก่นอานาปานสติมาสอน และก็เป็นช่วงที่หลิวมีความพยาบาทรบกวนจิตใจอยู่ จริงๆ วันอังคารที่เรียนรอบกองไฟ 64 หลิวก็เป็นอยู่ และยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ หลิวอยากวางแต่ใจไม่วาง (ประจักษ์แล้วว่าการวางไม่ได้เกิดจากความคิดแต่ต้องออกมาจากจิตที่วางเอง) สัญญาถูกปลุกขึ้นมาตลอด และสังขารก็ปรุงต่อให้เห็นภาพชัดเจนแจ่มแจ้ง ความโกรธก็ยิ่งประทุ ครั้งนึงหลิวตั้งจิตไว้ว่าหลิวขอยอมทุกอย่างและยกให้ธรรมะได้ขัดเกลาความพยาบาทนี้ออกไป ซึ่งก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ใจก็ยังไม่ยอมวางจริง ไม่ยอมสละออกจริง ความรู้สึกนี้เป็นศัตรูกับเมตตาและกรุณาหลิวรู้สึกและสัมผัสได้ หลิวรู้สึกเหนื่อยใจ เสียใจและไม่อยากเผชิญกับสิ่งนี้เลย จนวันนี้ระหว่างที่เรียนก็ได้ความรู้สึกแบบที่พิมพ์ออกไปมาค่ะ อีกทั้งจิตหลิวได้ความฉ่ำเย็นจากคุณยายนีและคุณยายเพ็ญเสมอทุกครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน ก็เลยรู้สีกดีและมีกำลังใจขึ้นมาค่ะ
|
|
|
Post by เอ Nava on Mar 3, 2023 6:59:51 GMT 7
กราบสวัสดีค่ะครู
ขออนุญาตรายงาน จากรตต เมื่อเช้านะคะ รู้สึกว่าอานาปานสติเป็นกรรมฐานที่ไม่ซับซ้อน แต่จิตเองที่ไม่คุ้นเคยกับความเรียบง่ายเช่นนี้ จึงมักจะไปนิยามสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏขึ้น และยึดโดยไม่รู้ตัวค่ะ เมื่อได้มาเรียนรู้อานาปา ทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากนิยามสภาวะต่างๆ ที่ไม่ใช่ลมหายใจ (ความรู้สึกไม่อยากนิยามนั้นก็ไม่ใช่ลม) เห็นจิตที่ยังมีเจตนารับรู้ลม กับรู้สภาวะอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ลม ล้วนแต่เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา กับลมหายใจซึ่งแม้จะพัดเข้าออก แต่ก็ดูเหมือนเป็นสิ่งที่นิ่งกว่า เมื่อเทียบกับสภาวะที่ไม่ใช่ลมค่ะ บางครั้ง เห็นเหมือนกับภาพที่ฉายข้างหน้า มีลมหายใจเป็นตัวยืนพื้น สภาวะต่างๆ เป็นองค์ประกอบย่อย หมุนเวียนเปลี่ยนไป
ความง่าย เกิดตอนที่เรามองลมกับความตั้งใจที่จะรู้ลม กับสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่ลม แต่จิตก็มักจะเผลอไปตีความ ให้ค่ากับสภาวะที่น่ายินดี/ไม่น่ายินดี อยู่ดีค่ะ พอเผลอไป ก็รู้ แล้วกลับมาอยู่กับอานาปาใหม่ วนไปค่ะ
กราบขอบพระคุณครูค่ะ🙏
|
|
|
Post by ❤️ ดี๋ Atom on Mar 3, 2023 8:21:10 GMT 7
🙏💕😁 อรุณสวัสดิ์เช้าวันศุกร์ครับครู
ขออนุญาตเล่าเรื่อง ครั้งแรกที่รู้สึกว่าใช่หรือไม่ใช่? ครูครับ เมื่อคืนเข้านอนห้าทุ่มกว่า โดยที่ก่อนนอน เดินมา1ชั่วโมง นั่งต่ออีกครึ่งชั่วโมง (บวกเสียงสติ) ก่อนเที่ยงคืน จากนอนดูลมหายใจเบาๆปกติ อยู่ๆ จิตก็รวมแบบฉับพลัน ร่างกายแข็ง ค้างขยับตัวไม่ได้ ลมหายใจเข้าสู่โหมด Auto ลากลมเข้าลมออก อย่างยาว แรง ลึก 2 รอบจากนั้น ตาทั้งสองข้างกระพริบๆอย่างรุนแรง เกือบจะเรียกว่า กระตุกเลยก็ว่าได้ ประมาณ 6-7 ครั้ง พร้อมกันนั้น จิตเหมือนเข้าไปเห็นอากาศกว้างอันเวิ้งว้างหาที่สุดไม่ได้ พร้อมกับมีแสงเป็นจุดเล็กๆคล้ายดวงดาว ระยิบระยับ กระพริบๆไปหมด พอตาทั้งสองหยุดกระพริบ สภาวะนั้นก็ดับ แล้วก็จะเว้นวรรคนิดเดียว ก็ซ้ำวิถีแบบเดิมเป๊ะอีกหนึ่งรอบ แล้วก็ดับลง พอจบรอบสอง เกิดแสงสว่างจ้า พอประมาณ ไม่ถึงสุดลูกหูลูกตา และ ไม่รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับแสงจ้า นั้นเท่าไหร่ และ ในระหว่างเกิดเหตุการณ์ช่วงสั้นๆแวบเดียวนี้ มีจิตที่รู้สึกตัวดีตลอดและยังแอบลุ้นว่าใช่หรือเปล่าน่ะ แว่บเดียวก็ดับอีก
จากนั้น รู้สึกว่าจิตใหญ่ เปิดกว้างบรรยากาศนวลๆนิ่มๆเฉยๆ เหมือนอยู่ในความฝัน หัวใจเต้นรัวเบาๆจนรู้สึกได้อยู่ช่วงสั้นๆ แต่ไม่ได้ตื่นเต้น อาการนี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก พอตั้งหลักได้ ด้วยความไม่เชื่อง่าย จึงเริ่มสำรวจตรวจสอบ (ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์) 1.ย้อนกลับมาดูความรู้สึกมีตัวตนอยู่ในร่างกายในใจนี้ มันประหลาดใจ จริงๆครับครู ตอนนั้นพอย้อนสังเกตเข้ามามันเป็นความรู้สึกที่แปลกไป จากเดิม ดูมันเบามองหาตัวตนได้ยากจัง เพราะมันสังเกตยากน่ะครับ เพราะมันไม่ได้มีของใหม่อะไรเพิ่มเข้ามา แต่กลางอกกลางใจเหมือนอะไร บางอย่างมันหายไป แต่มองไม่ออก 2.ศีลห้าบริบูรณ์ไหม , ไม่รู้จะดูอย่างไร 3.เชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แน่วแน่ไหม , ก็คล้ายๆเดิม 4.ไม่บำเพ็ญพรตที่งมงายหรือเปล่า , ก็แยกไม่ออก
# เลยนอนไม่หลับทั้งคืนเลยครับ เพราะจิตมันสว่างตั้งมั่น แล้วก็คอยสังเกตการณ์มันด้วย แต่ขอสรุปของผมว่า คงไม่ใช่แน่ๆ เพราะ 1.จิตของพระอริยะ มันต้องไม่ใช่ดูเหมือนธรรมดา ปกติแค่นี้ มันต้องมีจุดที่สังเกตได้ชัดอยู่ 2.ไม่มีทางใช่ เพราะจิตยังลังเลสงสัยอยู่ตลอด ของจริงต้องรู้ได้ด้วยตนเอง 3.ไม่มีทางใช่เพราะ จิตไม่มีจุดไหนที่ ทะลุผ่านออกไป สัมผัส นิพพาน ที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน 4.ดูมันไม่ได้มีการพิจารณาธรรมอะไรเลย
# กว่าจะหลับได้เกือบตี4 ระหว่างนั้นจิตรวมอีกหลายครั้งครับ แต่รวมธรรมดา ไม่ได้มีสภาวะแบบครั้งแรก ตื่นมา 7 โมงเช้ามาเป็นคนธรรมดา ที่ง่วงๆนอนตามเดิมครับ แต่สำรวจเข้ามาในตัวก็ยังมีความรู้สึกเป็นตัวตนบางๆอยู่ครับ คิดว่าน่าจะเป็น อาการของสมถะที่ช่วงนี้ผมฝึกต่อเนื่องครับครู
# ตอนสายและตอนบ่าย สังเกตุต่อ ทำไมมันคิดมันนึกอะไรไม่ค่อยได้ แต่ถ้ามีธุระต้องพูด ก็พูดได้เสร็จแล้วไม่อยากพูดต่อ มองย้อนเข้ามา ในกายในจิต เหมือนมองไม่ออกไม่รู้เรื่อง เหมือนเสียความสามารถ ในการแยกขันธ์5 อย่างไรไม่รู้ครับครู
💕🙏😊 จบแล้วครับ กราบขอบพระคุณครับครู
|
|
ซิ่ว
New Member
Posts: 1
|
Post by ซิ่ว on Mar 3, 2023 11:17:08 GMT 7
สวัสดีค่ะพี่ฮิม
ซิ่วรบกวนขอโอกาสสอบถามสภาวะค่ะ
วันนี้ตอนรวมญาติ 9 โมง rerun ไร้ตัวตน อาปาณสติ ช่วงที่แผ่เมตตาและกรุณาตรงหัวเสื่อ ซิ่วมีอาการกระตุกเหมือนจิตถูกกระชากออกจากตัวหลายครั้ง จริงๆแล้วสภาวะนี้ เริ่มเกิดขึ้นมาพักนึงตั้งแต่พี่ตุลย์และพี่ฮิมไกด์เรื่องจิตรวมของห้อง แต่sessionsที่ผ่านๆมามันเกิดไม่แรงเท่าไหร่ และเกิดครั้งเดียวต่อ 1 session แต่เมื่อเช้ามันเกิดถี่ๆ และแรง
ต่อครั้งหลังการกระตุกจบลง มันจะโล่ง แต่พอจะพิจารณาตามเสียงไกด์ส่งเจตนาแผ่กรุณาให้ดวงจิตอื่นๆ มันเห็นความหนักอันเกิดจากเจตนาจะคิดตาม แล้วมันก็รวบเป็นแรงอัด กระตุกออก หลายๆครั้ง
พอเริ่มเดินหลังจากเหตุการณ์นี้ พบว่าการทำอาปาณสติง่ายขึ้น เหมือนมันเห็นลมหายใจเป็นของนอก ไม่เหมือน 15 ก่อนที่จะแผ่กรุณา ที่จิตมันค่อนข้างจะแส่ส่าย ไปตั้งใจรู้ ตั้งใจเห็น และสงสัย
สภาวะเช่นนี้มันมีอันตราย หรือข้อควรระวังอะไรมั้ยคะ มันมีอะไรเป็นมิจฉาทิฐิมั้ยอ่ะคะ
เมื่อเช้ามีเหตุให้เปิดกล้องไม่ได้ ถ้าไม่อย่างงั้นคงเกรงใจเพื่อนๆแย่เลย ว่าจะมีใครตกใจมั้ยถ้าดูผ่านซูมอยู่ (รู้สึกเหมือนเป็นคนทรงเจ้าในหนัง 555 ผิดแต่อันนี้ไม่ได้สั่นอยู่ตลอดเวลา)
กราบขอบพระคุณค่ะ🙏🙏🙏
ซิ่ว
|
|
|
Post by Beeying on Mar 3, 2023 15:49:14 GMT 7
จิตมีการเปิดกว้าง มีสติรู้เนื้อรู้ตัวง่ายขึ้นค่ะ
|
|
|
Post by him on Mar 3, 2023 16:20:56 GMT 7
1. ตอนฝึกอานาปานสติถ้าในขณะเดิน รู้กายเบามาก ๆ ใจเบามาก ๆ สว่างมาก ๆ และลมหายใจละเอียดมาก ๆ จนไม่รู้สึกถึงลมหายใจเข้าหรือออก เพราะมันเนียนมากจนเหมือนนิ่ง ถ้าเกิดสภาวะแบบนั้นต้องให้พิจารณาแบบไหนและจะต้องทำยังงัยต่อค๊ะ
2. เป็นความโชคดีของพี่ดาว่า ทุกครั้งที่ฝึกมักจะเกิดสภาวะต่าง ๆ ให้เห็นตามที่อาจารย์กำลังไกด์อยู่พอดี (ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอาจารย์เห็นสภาวะของเราในขณะนั้นหรือของคนอื่นแล้วพูดโดยรวมซึ่งจะตรงกันกับสภาวะของพี่ดาพอดี) จึงทำให้ได้เห็นภาพนั้นและเข้าใจได้ตามจริง เช่น ภาวะที่มีความคิดแทรกเข้ามา ภาวะหัวเสื่อ ท้ายเสื่อไม่เที่ยง หรือปิติมันอยู่ได้ไม่นาน ฯลฯ พอจิตมันเห็นตามจริงตามนั้นแล้วเกิดความเข้าใจด้วยจิตเอง เราจะทราบได้ยังงัยว่า จิตมันเข้าใจเองไม่ใช่เกิดจากความคิดที่เข้าใจตามเสียงอาจารย์อธิบาย ไม่ทราบว่าพี่ดาสามารถเทียบเคียงว่าในสภาวะถ้าจิตมีความเบาสบาย และยังสว่าง หรือสว่างขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่าเกิดจากความเข้าใจของจิต แต่สภาวะที่มันเข้าใจด้วยความคิดมันจะมีคลื่นความคิดแทรกเช่นแสงสว่างจะหายไปและมีแสงเหมือนคลื่นสีม่วงหรือเขียวปรากฏขึ้นมาเป็นระเรื่อ ๆ ได้หรือไม่
3. การเกิดภวังค์สามารถเกิดได้ตอนกายเคลื่อนไหวเร็วหรือไม่ เช่น ขณะเดินจงกรม (ปกติดาจะเดินเร็ว) ที่เคยถามครั้งก่อนจะเกิดภวังค์ตอนยืนนิ่ง ๆ แผ่เมตตากรุณาช่วงยืนรอฟังอาจารย์ตุลย์พูดนาน ๆ แต่ช่วงหลังถ้าเจอสภาวะตามข้อ 1 ขณะเดินจงกรมจะเหมือนเดินตกเหวเล็ก ๆ บางครั้ง (เคยเป็น 1 ครั้ง ยังไม่บ่อย) สภาวะภวังค์กับหลับในต่างกันใชมั๊ยค๊ะ (หวังว่าพี่ดาคงไม่ได้หลับใน เพราะไม่ได้ง่วงนอน)
4. ในกรณีที่ตกใจ / ใจหาย มีความเกี่ยวกับสภาวะใดของจิตหรือไม่ พอดีห้องที่ฝึกมันแคบและเล็ก ถ้าก้าวพลาดเยอะจะเตะโดนเฟอร์นิเจอร์ (ปกติไม่ค่อยพลาดเยอะ) แต่วันนี้พลาดอย่างจังซึ่งตอนนั้นจิตกำลังเป็นสมาธิและมีความสว่างอยู่ ช่วงที่เตะถูกรู้สึกใจมับวูบหวิวลงไปถึงท้องแบบตกใจ แต่ก็ไม่หยุดเดินยังเดินต่อไปเรื่อยเหมือนไม่เกิดอะไร และการรับรู้แสงสว่างกับกายยังปกติ ถ้าคนที่มีสมาธิแข็งและนิ่งจะไม่มีอาการตกใจง่ายใช่มั๊ยค๊ะ พี่ดาหมายถึงการวูบหรือไหวของจิต ไม่ทราบจะเกี่ยวข้องกันมั๊ย
|
|
|
Post by him on Mar 3, 2023 16:25:04 GMT 7
กราบขอบพระคุณพี่ฮิมเป็นอย่างสูงค่ะ หลิวรู้สึกดีกับอานาปานและสมถะขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าความกล้าเผชิญ ไม่กลัว ค่อยๆ ถูกสร้างขี้นกับจิตหลิว หลิวรู้สึกว่าหลิวเริ่มต้นใหม่ทุกอย่างได้ทุกขณะรู้ลมค่ะ
วันนี้เป็นไร้ตัวตน 99 เป็นครั้งที่ 2 ที่พี่ฮิมสกัดแก่นอานาปานสติมาสอน และก็เป็นช่วงที่หลิวมีความพยาบาทรบกวนจิตใจอยู่ จริงๆ วันอังคารที่เรียนรอบกองไฟ 64 หลิวก็เป็นอยู่ และยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ หลิวอยากวางแต่ใจไม่วาง (ประจักษ์แล้วว่าการวางไม่ได้เกิดจากความคิดแต่ต้องออกมาจากจิตที่วางเอง) สัญญาถูกปลุกขึ้นมาตลอด และสังขารก็ปรุงต่อให้เห็นภาพชัดเจนแจ่มแจ้ง ความโกรธก็ยิ่งประทุ ครั้งนึงหลิวตั้งจิตไว้ว่าหลิวขอยอมทุกอย่างและยกให้ธรรมะได้ขัดเกลาความพยาบาทนี้ออกไป ซึ่งก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ใจก็ยังไม่ยอมวางจริง ไม่ยอมสละออกจริง ความรู้สึกนี้เป็นศัตรูกับเมตตาและกรุณาหลิวรู้สึกและสัมผัสได้ หลิวรู้สึกเหนื่อยใจ เสียใจและไม่อยากเผชิญกับสิ่งนี้เลย จนวันนี้ระหว่างที่เรียนก็ได้ความรู้สึกแบบที่พิมพ์ออกไปมาค่ะ อีกทั้งจิตหลิวได้ความฉ่ำเย็นจากคุณยายนีและคุณยายเพ็ญเสมอทุกครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน ก็เลยรู้สีกดีและมีกำลังใจขึ้นมาค่ะ
ขอให้ใจเย็น และใช้หลักอานาปานสติกับอาการยื้อ อาการยึด และเมื่อเลยไปจนถึงมีโทสะต่ออาการยึดที่เห็นชัดนี้ ก็ให้มองว่า ดีเสียอีก มีอะไรให้ดูกับลมหายใจชัดๆ ท่องไว้ ปฏิบัติให้มีสภาวะดีนั้นดีอยู่ แต่ให้เลิศต้องปฏิบัติแต่กล้าอยู่กับของไม่ชอบใจพร้อมกับลมหายใจอย่างเป็นกลางมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ (และแน่นอน หากไม่เป็นกลางก็เห็นแบบนี้ได้ต่อ)
|
|
|
Post by him on Mar 3, 2023 16:26:35 GMT 7
กราบสวัสดีค่ะครู
ขออนุญาตรายงาน จากรตต เมื่อเช้านะคะ รู้สึกว่าอานาปานสติเป็นกรรมฐานที่ไม่ซับซ้อน แต่จิตเองที่ไม่คุ้นเคยกับความเรียบง่ายเช่นนี้ จึงมักจะไปนิยามสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏขึ้น และยึดโดยไม่รู้ตัวค่ะ เมื่อได้มาเรียนรู้อานาปา ทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากนิยามสภาวะต่างๆ ที่ไม่ใช่ลมหายใจ (ความรู้สึกไม่อยากนิยามนั้นก็ไม่ใช่ลม) เห็นจิตที่ยังมีเจตนารับรู้ลม กับรู้สภาวะอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ลม ล้วนแต่เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา กับลมหายใจซึ่งแม้จะพัดเข้าออก แต่ก็ดูเหมือนเป็นสิ่งที่นิ่งกว่า เมื่อเทียบกับสภาวะที่ไม่ใช่ลมค่ะ บางครั้ง เห็นเหมือนกับภาพที่ฉายข้างหน้า มีลมหายใจเป็นตัวยืนพื้น สภาวะต่างๆ เป็นองค์ประกอบย่อย หมุนเวียนเปลี่ยนไป
ความง่าย เกิดตอนที่เรามองลมกับความตั้งใจที่จะรู้ลม กับสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่ลม แต่จิตก็มักจะเผลอไปตีความ ให้ค่ากับสภาวะที่น่ายินดี/ไม่น่ายินดี อยู่ดีค่ะ พอเผลอไป ก็รู้ แล้วกลับมาอยู่กับอานาปาใหม่ วนไปค่ะ
กราบขอบพระคุณครูค่ะ🙏
ปฏิบัติได้ชอบแล้วครับพี่เอ อนุโมทนานะครับ
|
|
|
Post by him on Mar 3, 2023 16:33:02 GMT 7
สวัสดีค่ะพี่ฮิม
ซิ่วรบกวนขอโอกาสสอบถามสภาวะค่ะ
วันนี้ตอนรวมญาติ 9 โมง rerun ไร้ตัวตน อาปาณสติ ช่วงที่แผ่เมตตาและกรุณาตรงหัวเสื่อ ซิ่วมีอาการกระตุกเหมือนจิตถูกกระชากออกจากตัวหลายครั้ง จริงๆแล้วสภาวะนี้ เริ่มเกิดขึ้นมาพักนึงตั้งแต่พี่ตุลย์และพี่ฮิมไกด์เรื่องจิตรวมของห้อง แต่sessionsที่ผ่านๆมามันเกิดไม่แรงเท่าไหร่ และเกิดครั้งเดียวต่อ 1 session แต่เมื่อเช้ามันเกิดถี่ๆ และแรง
ต่อครั้งหลังการกระตุกจบลง มันจะโล่ง แต่พอจะพิจารณาตามเสียงไกด์ส่งเจตนาแผ่กรุณาให้ดวงจิตอื่นๆ มันเห็นความหนักอันเกิดจากเจตนาจะคิดตาม แล้วมันก็รวบเป็นแรงอัด กระตุกออก หลายๆครั้ง
พอเริ่มเดินหลังจากเหตุการณ์นี้ พบว่าการทำอาปาณสติง่ายขึ้น เหมือนมันเห็นลมหายใจเป็นของนอก ไม่เหมือน 15 ก่อนที่จะแผ่กรุณา ที่จิตมันค่อนข้างจะแส่ส่าย ไปตั้งใจรู้ ตั้งใจเห็น และสงสัย
สภาวะเช่นนี้มันมีอันตราย หรือข้อควรระวังอะไรมั้ยคะ มันมีอะไรเป็นมิจฉาทิฐิมั้ยอ่ะคะ
เมื่อเช้ามีเหตุให้เปิดกล้องไม่ได้ ถ้าไม่อย่างงั้นคงเกรงใจเพื่อนๆแย่เลย ว่าจะมีใครตกใจมั้ยถ้าดูผ่านซูมอยู่ (รู้สึกเหมือนเป็นคนทรงเจ้าในหนัง 555 ผิดแต่อันนี้ไม่ได้สั่นอยู่ตลอดเวลา)
กราบขอบพระคุณค่ะ🙏🙏🙏
ซิ่ว จุดที่แน่ใจว่าถูกต้องแน่ๆ อยู่ตรงที่เห็นลมเป็นของนอกครับ และอาการที่เกิดนั้นเป็นปรกติของคนมีความตั้งใจปฏิบัติแรงกล้า คนเหล่านี้เวลาถอนนิสัยของจิตมักจะปรากฎออกมาในรูปแบบรุนแรงทำนองนี้ ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องกังวลครับซิ่ว
|
|
|
Post by him on Mar 3, 2023 17:41:16 GMT 7
🙏💕😁 อรุณสวัสดิ์เช้าวันศุกร์ครับครู
ขออนุญาตเล่าเรื่อง ครั้งแรกที่รู้สึกว่าใช่หรือไม่ใช่? ครูครับ เมื่อคืนเข้านอนห้าทุ่มกว่า โดยที่ก่อนนอน เดินมา1ชั่วโมง นั่งต่ออีกครึ่งชั่วโมง (บวกเสียงสติ) ก่อนเที่ยงคืน จากนอนดูลมหายใจเบาๆปกติ อยู่ๆ จิตก็รวมแบบฉับพลัน ร่างกายแข็ง ค้างขยับตัวไม่ได้ ลมหายใจเข้าสู่โหมด Auto ลากลมเข้าลมออก อย่างยาว แรง ลึก 2 รอบจากนั้น ตาทั้งสองข้างกระพริบๆอย่างรุนแรง เกือบจะเรียกว่า กระตุกเลยก็ว่าได้ ประมาณ 6-7 ครั้ง พร้อมกันนั้น จิตเหมือนเข้าไปเห็นอากาศกว้างอันเวิ้งว้างหาที่สุดไม่ได้ พร้อมกับมีแสงเป็นจุดเล็กๆคล้ายดวงดาว ระยิบระยับ กระพริบๆไปหมด พอตาทั้งสองหยุดกระพริบ สภาวะนั้นก็ดับ แล้วก็จะเว้นวรรคนิดเดียว ก็ซ้ำวิถีแบบเดิมเป๊ะอีกหนึ่งรอบ แล้วก็ดับลง พอจบรอบสอง เกิดแสงสว่างจ้า พอประมาณ ไม่ถึงสุดลูกหูลูกตา และ ไม่รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับแสงจ้า นั้นเท่าไหร่ และ ในระหว่างเกิดเหตุการณ์ช่วงสั้นๆแวบเดียวนี้ มีจิตที่รู้สึกตัวดีตลอดและยังแอบลุ้นว่าใช่หรือเปล่าน่ะ แว่บเดียวก็ดับอีก
จากนั้น รู้สึกว่าจิตใหญ่ เปิดกว้างบรรยากาศนวลๆนิ่มๆเฉยๆ เหมือนอยู่ในความฝัน หัวใจเต้นรัวเบาๆจนรู้สึกได้อยู่ช่วงสั้นๆ แต่ไม่ได้ตื่นเต้น อาการนี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก พอตั้งหลักได้ ด้วยความไม่เชื่อง่าย จึงเริ่มสำรวจตรวจสอบ (ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์) 1.ย้อนกลับมาดูความรู้สึกมีตัวตนอยู่ในร่างกายในใจนี้ มันประหลาดใจ จริงๆครับครู ตอนนั้นพอย้อนสังเกตเข้ามามันเป็นความรู้สึกที่แปลกไป จากเดิม ดูมันเบามองหาตัวตนได้ยากจัง เพราะมันสังเกตยากน่ะครับ เพราะมันไม่ได้มีของใหม่อะไรเพิ่มเข้ามา แต่กลางอกกลางใจเหมือนอะไร บางอย่างมันหายไป แต่มองไม่ออก 2.ศีลห้าบริบูรณ์ไหม , ไม่รู้จะดูอย่างไร 3.เชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แน่วแน่ไหม , ก็คล้ายๆเดิม 4.ไม่บำเพ็ญพรตที่งมงายหรือเปล่า , ก็แยกไม่ออก
# เลยนอนไม่หลับทั้งคืนเลยครับ เพราะจิตมันสว่างตั้งมั่น แล้วก็คอยสังเกตการณ์มันด้วย แต่ขอสรุปของผมว่า คงไม่ใช่แน่ๆ เพราะ 1.จิตของพระอริยะ มันต้องไม่ใช่ดูเหมือนธรรมดา ปกติแค่นี้ มันต้องมีจุดที่สังเกตได้ชัดอยู่ 2.ไม่มีทางใช่ เพราะจิตยังลังเลสงสัยอยู่ตลอด ของจริงต้องรู้ได้ด้วยตนเอง 3.ไม่มีทางใช่เพราะ จิตไม่มีจุดไหนที่ ทะลุผ่านออกไป สัมผัส นิพพาน ที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน 4.ดูมันไม่ได้มีการพิจารณาธรรมอะไรเลย
# กว่าจะหลับได้เกือบตี4 ระหว่างนั้นจิตรวมอีกหลายครั้งครับ แต่รวมธรรมดา ไม่ได้มีสภาวะแบบครั้งแรก ตื่นมา 7 โมงเช้ามาเป็นคนธรรมดา ที่ง่วงๆนอนตามเดิมครับ แต่สำรวจเข้ามาในตัวก็ยังมีความรู้สึกเป็นตัวตนบางๆอยู่ครับ คิดว่าน่าจะเป็น อาการของสมถะที่ช่วงนี้ผมฝึกต่อเนื่องครับครู
# ตอนสายและตอนบ่าย สังเกตุต่อ ทำไมมันคิดมันนึกอะไรไม่ค่อยได้ แต่ถ้ามีธุระต้องพูด ก็พูดได้เสร็จแล้วไม่อยากพูดต่อ มองย้อนเข้ามา ในกายในจิต เหมือนมองไม่ออกไม่รู้เรื่อง เหมือนเสียความสามารถ ในการแยกขันธ์5 อย่างไรไม่รู้ครับครู
💕🙏😊 จบแล้วครับ กราบขอบพระคุณครับครู
ต่อไปนี้เป็นคำตอบพี่ตุลย์นะครับ
|
|
|
Post by พงศ์ on Mar 3, 2023 19:02:32 GMT 7
จากพี่เอ๋ ปริณดาครับ =================
ขอโอกาส ค่ะพี่ตุลย์ พี่ฮิม ขอรายงาน การภาวนา ช่วงนี้ …ในทางจงกรม กับในชีวิตจริง เริ่มไม่ ต่างกันตรง ตระหนักรู้ทันทีที่ “ความคิด” เกิด เมื่อก่อนจะกังวล เมื่อรู้ว่า คิด และปรุงแต่งจิต
ตอนนี้ไม่ต้องเสียแรงเพื่อจะหยุดยั้งมัน เอ๋ ทำได้แค่ ”แค่รับรู้” ว่านั่น ความคิดปรุงแต่ง
และ ไม่ยึดติดจมปลักอยู่กับมัน ตัดเป็น ตอนๆ ทำให้ไม่มีเวลา ไป ลื่นไหลฟุ้งซ่านไปกับมัน และก็ไม่ต้องหลง เผลอ ไปต่อต้านมัน(สภาวะ)
แต่ถ้า ไม่หลงเข้าไปผูกพันปรุงแต่ง พอรู้ ความคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จืดชืด ไม่ทุกข์ ไม่สนุก ไม่สุขไปกับ อะไร มันจะ กลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ทั้งหมด เพราะเห็นความชั่วคราว "เมื่อความคิดเกิด ก็รู้สึกตัว ว่องไว …เมื่อรู้สึกตัว แล้วความคิดก็จางหายไปเอง" เอ๋เห็นว่า ความจริงแล้ว ความคิดปรุงแต่งไม่ได้มีตัวมีตน ไม่มีเรา เขา ที่ไหน ให้ค่า ให้ราคากันเอง เมื่อรับรู้ความคิดปรุงได้อย่างเท่าทันมันก็ ”ว่างลง” เองโดยไม่รู้ด้วยซ้ำวางยังไง วางตอนไหน พอจิตมันวาง ทั้งสุข และทุกข์ จิตก็ว่าง สว่าง สะอาด กว้าง ใหญ่
หมายเหตุ @ ตอนนี้ครอบครัวทางฝั่งเอ๋ป่วยด้วยโรคร้ายทั้งป้า และพ่อ ซึ่งสร้างความกังวลใจสำหรับคนในบ้านมาก
ส่วนสามี พยายาม อยากให้เอ๋ มีความสุข ซื้อ รถใหม่ เทสล่า รุ่น วาย ล่าสุด เพื่อให้มีความสุข แต่ มันไม่มีความสุข และทุกข์ เลย มันเฉยๆ มัน วาง ทั้งสุขและทุกข์ แต่ใจฟูๆ อิ่มๆ มีความกรุณา เมตตา แบบไม่เคยมีเคยเป็นมาก่อน หนูไม่ทราบว่า มันผลจาก จงกรมต่อเนื่อง หรือไม่ กราบรายงาน พี่ตุลย์ และครูพี่ฮิม เจ้าค่ะ
|
|
|
Post by ❤️ ดี๋ Atom on Mar 3, 2023 21:21:14 GMT 7
🙏💕😁 อรุณสวัสดิ์เช้าวันศุกร์ครับครู
ขออนุญาตเล่าเรื่อง ครั้งแรกที่รู้สึกว่าใช่หรือไม่ใช่? ครูครับ เมื่อคืนเข้านอนห้าทุ่มกว่า โดยที่ก่อนนอน เดินมา1ชั่วโมง นั่งต่ออีกครึ่งชั่วโมง (บวกเสียงสติ) ก่อนเที่ยงคืน จากนอนดูลมหายใจเบาๆปกติ อยู่ๆ จิตก็รวมแบบฉับพลัน ร่างกายแข็ง ค้างขยับตัวไม่ได้ ลมหายใจเข้าสู่โหมด Auto ลากลมเข้าลมออก อย่างยาว แรง ลึก 2 รอบจากนั้น ตาทั้งสองข้างกระพริบๆอย่างรุนแรง เกือบจะเรียกว่า กระตุกเลยก็ว่าได้ ประมาณ 6-7 ครั้ง พร้อมกันนั้น จิตเหมือนเข้าไปเห็นอากาศกว้างอันเวิ้งว้างหาที่สุดไม่ได้ พร้อมกับมีแสงเป็นจุดเล็กๆคล้ายดวงดาว ระยิบระยับ กระพริบๆไปหมด พอตาทั้งสองหยุดกระพริบ สภาวะนั้นก็ดับ แล้วก็จะเว้นวรรคนิดเดียว ก็ซ้ำวิถีแบบเดิมเป๊ะอีกหนึ่งรอบ แล้วก็ดับลง พอจบรอบสอง เกิดแสงสว่างจ้า พอประมาณ ไม่ถึงสุดลูกหูลูกตา และ ไม่รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับแสงจ้า นั้นเท่าไหร่ และ ในระหว่างเกิดเหตุการณ์ช่วงสั้นๆแวบเดียวนี้ มีจิตที่รู้สึกตัวดีตลอดและยังแอบลุ้นว่าใช่หรือเปล่าน่ะ แว่บเดียวก็ดับอีก
จากนั้น รู้สึกว่าจิตใหญ่ เปิดกว้างบรรยากาศนวลๆนิ่มๆเฉยๆ เหมือนอยู่ในความฝัน หัวใจเต้นรัวเบาๆจนรู้สึกได้อยู่ช่วงสั้นๆ แต่ไม่ได้ตื่นเต้น อาการนี้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก พอตั้งหลักได้ ด้วยความไม่เชื่อง่าย จึงเริ่มสำรวจตรวจสอบ (ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์) 1.ย้อนกลับมาดูความรู้สึกมีตัวตนอยู่ในร่างกายในใจนี้ มันประหลาดใจ จริงๆครับครู ตอนนั้นพอย้อนสังเกตเข้ามามันเป็นความรู้สึกที่แปลกไป จากเดิม ดูมันเบามองหาตัวตนได้ยากจัง เพราะมันสังเกตยากน่ะครับ เพราะมันไม่ได้มีของใหม่อะไรเพิ่มเข้ามา แต่กลางอกกลางใจเหมือนอะไร บางอย่างมันหายไป แต่มองไม่ออก 2.ศีลห้าบริบูรณ์ไหม , ไม่รู้จะดูอย่างไร 3.เชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แน่วแน่ไหม , ก็คล้ายๆเดิม 4.ไม่บำเพ็ญพรตที่งมงายหรือเปล่า , ก็แยกไม่ออก
# เลยนอนไม่หลับทั้งคืนเลยครับ เพราะจิตมันสว่างตั้งมั่น แล้วก็คอยสังเกตการณ์มันด้วย แต่ขอสรุปของผมว่า คงไม่ใช่แน่ๆ เพราะ 1.จิตของพระอริยะ มันต้องไม่ใช่ดูเหมือนธรรมดา ปกติแค่นี้ มันต้องมีจุดที่สังเกตได้ชัดอยู่ 2.ไม่มีทางใช่ เพราะจิตยังลังเลสงสัยอยู่ตลอด ของจริงต้องรู้ได้ด้วยตนเอง 3.ไม่มีทางใช่เพราะ จิตไม่มีจุดไหนที่ ทะลุผ่านออกไป สัมผัส นิพพาน ที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน 4.ดูมันไม่ได้มีการพิจารณาธรรมอะไรเลย
# กว่าจะหลับได้เกือบตี4 ระหว่างนั้นจิตรวมอีกหลายครั้งครับ แต่รวมธรรมดา ไม่ได้มีสภาวะแบบครั้งแรก ตื่นมา 7 โมงเช้ามาเป็นคนธรรมดา ที่ง่วงๆนอนตามเดิมครับ แต่สำรวจเข้ามาในตัวก็ยังมีความรู้สึกเป็นตัวตนบางๆอยู่ครับ คิดว่าน่าจะเป็น อาการของสมถะที่ช่วงนี้ผมฝึกต่อเนื่องครับครู
# ตอนสายและตอนบ่าย สังเกตุต่อ ทำไมมันคิดมันนึกอะไรไม่ค่อยได้ แต่ถ้ามีธุระต้องพูด ก็พูดได้เสร็จแล้วไม่อยากพูดต่อ มองย้อนเข้ามา ในกายในจิต เหมือนมองไม่ออกไม่รู้เรื่อง เหมือนเสียความสามารถ ในการแยกขันธ์5 อย่างไรไม่รู้ครับครู
💕🙏😊 จบแล้วครับ กราบขอบพระคุณครับครู
ต่อไปนี้เป็นคำตอบพี่ตุลย์นะครับ
🙏😇 กราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์และครูฮิม มากๆครับ
จะปฏิบัติตามคำชี้แนะของอาจารย์อย่างตั้งใจครับ ❤️🙏😊
|
|
หลิว
New Member
Posts: 8
|
Post by หลิว on Mar 4, 2023 6:15:18 GMT 7
สวัสดีค่าพี่ฮิม กราบขอบพระคุณพี่ฮิมมากนะคะ หลิวได้อ่านคอมเม้นท์พี่ฮิมก่อนเข้าไลฟ์พี่ตุลย์มะวาน ใจเบาขึ้นและรู้สึกว่า จะมาก็มา มาก็ดู วันนี้เรียนไร้ตัวตน 101 มีความรู้สึกแว๊บๆ สั้นๆ จากที่ฟังพี่ฮิมว่า อ้าวนี่เป็นสัญญา นี่เป็นเวทนาที่เกิด ประกอบกัน ตัวเราอยู่ไหน ตัวเราหลงทุกข์อะไร แต่สรุปท้ายคาบวันนี้ที่ตามดูมาเรื่อยๆ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็คือรู้สึกว่า จิตหลิวไม่ค่อยอยู่กับภาวะปัจจุบันของตัวเองที่เกิดเลย ชอบมากกกที่จะไหลไปกับความจำและการตีความเอาเอง เช่น จากที่ได้ฟังพี่ฮิมสอน พอความจำเกิด ก็ตีความต่อเป็นเงาตามตัวทันที วนไปเรื่อยๆ อยู่แบบนี้ค่ะ งงมากกก 555
|
|
|
Post by pornnapa on Mar 4, 2023 6:31:29 GMT 7
🙏🏻🙏🏻🙏🏻กราบครูฮิมค่ะ
เช้านี้ ตอนลงนั่งสมาธิ ตอนท้ายๆๆ ชม. จิตสงบ ว่าง แล้วเค้าค่อยๆๆเคลื่อนไปในส่วนต่างๆๆ ของร่างกาย เห็นกระดูก และเนื้อ ตามส่วนต่างๆๆ เค้าเคลื่อนไหวช้าๆ และสงบ รวม นิ่ง เย็น และสุดท้ายพิจารณา ภาพรวมของร่างกายทั้งร่าง ว่าทุกคนเกิดมาตามเหตุและปัจจัยที่สะสมมา ขอน้อมกราบครูฮิมค่ะ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
|
|
|
Post by U on Mar 4, 2023 10:09:23 GMT 7
Session ครูตุลย์ ep.323 ศ.3/3/65 ไลฟ์แชท Q&A ตอบโดยครูฮิม
Q น้อย: หนูเคยเป็นเหมือนแม่ชีค่ะ หมุนบนหัว บางทีก็ หมุนเหวี่ยงทั้งตัว หนูปฏิบัติครั้งแรก โดยการเดินรู้ว่าเดินตลอดเวลาในช่วงนั้นกับสวดมนต์ เวลาทำสมาธิเหมือนจะมีอะไรทะลุออกจากหัว น่ากลัวมาก แต่มันไม่ออกค่ะ พอไม่สนใจมันก็ไม่หมุน แต่หนูเหมือนเลิกปฏิบัติไปเลยนะคะ เพิ่งกลับมาทำตอนเข้ากลุ่มนี้
A ครูฮิม: เวลาเกิดอาการหมุน ให้ดูไปเลยว่า เกิดจากสัญชาตญาณบางอย่างที่เห็นว่าแรงหมุนจะ “สลัด” ทุกอย่างออกจากกายใจนี้จนว่าง ให้ดูใจที่อยากสลัดนั้น แล้วจะหยุดหมุนครับ
Q น้อย: ใช่ ๆ ค่ะพอมีความคิดช่วงแรกจะมีสร้างลมหมุนบนหัวขึ้นมาเอง ความคิดก็หายไปจริง ๆ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะทำตามแนวทางวิปัสสนามาตามลำดับ ไม่เป็นแบบเดิมแล้วค่ะ ดีขึ้นมาก ๆ แต่มันจะมีความหมุนแบบหนึ่งที่อยู่นอกหัวด้วยค่ะ แต่ไม่รู้คืออะไร พอปล่อยไปไม่สนใจก็หายไปเอง
A ครูฮิม: ไม่มีอะไรหลุดออกมามี แต่การพอกสัญญาให้ยึดมันว่า หากเมื่อไหร่ประสบกับอะไรที่ไม่พอใจ ต้องหมุนเหวี่ยงออกทันที
และยิ่งทำและยิ่งทำสัญญาตัวนี้ยิ่งฝังแน่น จนกลายเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ
Q กวาง: ขออนุญาตสอบถามครูฮิมนะคะ ถ้ามีอาการแบบนี้ไม่ได้หมุน แต่เป็นแบบนิ่ง ชา ไม่ทำงาน เหมือนเส้นพลังงานอะไรกลางกระหม่อมเชื่อมแกนกลางตัวมันไม่ทำงาน คือคิดว่าไม่ต้องไปสนใจ มันปฏิบัติไป เดี๋ยวก็หายไปเองใช่ไหมคะ (คิดว่าน่าจะหายแล้วมั้งคะตอนนี้ พอมาปฏิบัติฟื้นตัวมาเป็นสเต็ปโดยตลอดเลยค่ะ)
คำคำถามคือ อาการแบบนี้ของตัวเอง ไม่ต้องสนใจมันใช่ไหมคะ
A ครูฮิม: ส่วนใหญ่ความเคยชินทางกายและทางจิตทั้งหลายเป็นวิบากที่เกิดไปแล้ว วิธีไม่มีอะไร ก็ทำตามลำดับปรกติให้มีจิตเปิด แผ่ออก ทรงเมตตา กรุณา ตั้งมั่น แล้วพอเกิดอาการใดก็ตาม ไม่จำกัดเฉพาะอาการนี้ ให้เห็นเป็นสิ่งอื่น พร้อมลมหายใจ ยิ่งหากจิตแผ่กว้าง มีความตั้งมั่น จะยิ่งวางได้เร็ว เพราะเห็นเป็นของเกิน
Q น้อย: ได้ค่ะพี่ฮิม ขอบคุณค่ะ
Q กวาง: อันนี้ตอบกวางด้วยใช่มั้คะ ขอบคุณนะคะ
|
|
|
Post by U on Mar 4, 2023 11:26:11 GMT 7
คำถามจาก เอ๋ jit
กราบครูฮิมค่ะ ขอรายงานสภาวะเดินย้อนหลังค่ะ วันนี้รับรู้สภาวะการดูดติดรับรู้แค่เท้ากระทบอย่างเดียวแบบที่เคยชินอยู่ พอครูฮิมพูดถึงเจตนามันเหมือนเข้าใจแล้วตื่นเลยค่ะ กลับพลิกมารู้ขั่วภาพรวมแทนค่ะ สิ่งที่เปลี่ยนไปของจิตคือ ที่เบาอยู่แล้วก็เบาขึ้นอีกโปร่งเย็นค่ะ แบบเหมือนหลุดสายใยเจตนาที่โดดดูดติดอยู่ขัดเจนค่ะ ขอบคุณครูค่ะ
สอบถามครูค่ะ จิตเอ๋ถ้าตั้งมั่นแล้วจะจับที่เท้ากระทบเป็นอัตโนมัติเลยค่ะ ระหว่างวันก็เป็นค่ะ เหมือนโดนดูดติดอยู่ ควรทำไงดีค่ะ กราบครูฮิมแนะนำค่ะ
|
|
|
Post by him on Mar 4, 2023 12:35:09 GMT 7
จากพี่เอ๋ ปริณดาครับ =================
ขอโอกาส ค่ะพี่ตุลย์ พี่ฮิม ขอรายงาน การภาวนา ช่วงนี้ …ในทางจงกรม กับในชีวิตจริง เริ่มไม่ ต่างกันตรง ตระหนักรู้ทันทีที่ “ความคิด” เกิด เมื่อก่อนจะกังวล เมื่อรู้ว่า คิด และปรุงแต่งจิต
ตอนนี้ไม่ต้องเสียแรงเพื่อจะหยุดยั้งมัน เอ๋ ทำได้แค่ ”แค่รับรู้” ว่านั่น ความคิดปรุงแต่ง
และ ไม่ยึดติดจมปลักอยู่กับมัน ตัดเป็น ตอนๆ ทำให้ไม่มีเวลา ไป ลื่นไหลฟุ้งซ่านไปกับมัน และก็ไม่ต้องหลง เผลอ ไปต่อต้านมัน(สภาวะ)
แต่ถ้า ไม่หลงเข้าไปผูกพันปรุงแต่ง พอรู้ ความคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จืดชืด ไม่ทุกข์ ไม่สนุก ไม่สุขไปกับ อะไร มันจะ กลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ทั้งหมด เพราะเห็นความชั่วคราว "เมื่อความคิดเกิด ก็รู้สึกตัว ว่องไว …เมื่อรู้สึกตัว แล้วความคิดก็จางหายไปเอง" เอ๋เห็นว่า ความจริงแล้ว ความคิดปรุงแต่งไม่ได้มีตัวมีตน ไม่มีเรา เขา ที่ไหน ให้ค่า ให้ราคากันเอง เมื่อรับรู้ความคิดปรุงได้อย่างเท่าทันมันก็ ”ว่างลง” เองโดยไม่รู้ด้วยซ้ำวางยังไง วางตอนไหน พอจิตมันวาง ทั้งสุข และทุกข์ จิตก็ว่าง สว่าง สะอาด กว้าง ใหญ่
หมายเหตุ @ ตอนนี้ครอบครัวทางฝั่งเอ๋ป่วยด้วยโรคร้ายทั้งป้า และพ่อ ซึ่งสร้างความกังวลใจสำหรับคนในบ้านมาก
ส่วนสามี พยายาม อยากให้เอ๋ มีความสุข ซื้อ รถใหม่ เทสล่า รุ่น วาย ล่าสุด เพื่อให้มีความสุข แต่ มันไม่มีความสุข และทุกข์ เลย มันเฉยๆ มัน วาง ทั้งสุขและทุกข์ แต่ใจฟูๆ อิ่มๆ มีความกรุณา เมตตา แบบไม่เคยมีเคยเป็นมาก่อน หนูไม่ทราบว่า มันผลจาก จงกรมต่อเนื่อง หรือไม่ กราบรายงาน พี่ตุลย์ และครูพี่ฮิม เจ้าค่ะ ในช่วงเวลาที่มีความทุกข์บ่มจิตยาวนาน โดยเฉพาะความทุกข์อันเกิดจากคนในครอบครัว อีกจุดหนึ่งที่สำคัญที่อยากให้พี่เอ๋ดูเพิ่มคือ อารมณ์ต่างๆ อันเกิดมาจากแรงกระทบรอบตัว การฝึกเห็นอารมณ์หรือเวทนาขันธ์ในช่วงนี้นอกจากจะทำให้สามารถเอาตัวรอดได้เป็นคราวๆ ได้ดีแล้ว ยังเป็นการสั่งสมปัญญาที่มีต่อเวทนาขันธ์ได้ดีอีกด้วย ยิ่งจังหวะนี้เวทนาขันธ์จะแสดงตัวชัด เห็นง่าย วางยาก มีตัณหาเกาะหนัก เช่นนี้ จะทำให้เห็นกระบวนการทำงานในการก่อทุกข์ได้ง่าย
|
|
|
Post by him on Mar 4, 2023 12:38:00 GMT 7
สวัสดีค่าพี่ฮิม กราบขอบพระคุณพี่ฮิมมากนะคะ หลิวได้อ่านคอมเม้นท์พี่ฮิมก่อนเข้าไลฟ์พี่ตุลย์มะวาน ใจเบาขึ้นและรู้สึกว่า จะมาก็มา มาก็ดู วันนี้เรียนไร้ตัวตน 101 มีความรู้สึกแว๊บๆ สั้นๆ จากที่ฟังพี่ฮิมว่า อ้าวนี่เป็นสัญญา นี่เป็นเวทนาที่เกิด ประกอบกัน ตัวเราอยู่ไหน ตัวเราหลงทุกข์อะไร แต่สรุปท้ายคาบวันนี้ที่ตามดูมาเรื่อยๆ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็คือรู้สึกว่า จิตหลิวไม่ค่อยอยู่กับภาวะปัจจุบันของตัวเองที่เกิดเลย ชอบมากกกที่จะไหลไปกับความจำและการตีความเอาเอง เช่น จากที่ได้ฟังพี่ฮิมสอน พอความจำเกิด ก็ตีความต่อเป็นเงาตามตัวทันที วนไปเรื่อยๆ อยู่แบบนี้ค่ะ งงมากกก 555
จับตรงไหนได้ทัน ก็ดูตรงนั้น ไม่ต้องย้อนไปรู้สึกแย่กับจังหวะที่หลุดรอดสติครับ ถือเป็นปัญญาที่หากฝึกได้คล่องแล้วจะทำให้การปฏิบัติเปลี่ยนจากการจับผิดตัวเอง เป็นความสนุกคล้ายเล่นเกมว่า เราจะเห็นท่อนไหนของกระบวนการทางจิต เห็นเร็วก็แปลว่าสติดี (ก็ปรุงแต่งแบบนึง) เห็นช้าก็แปล่ว่ามีเหตุบางอย่าง (รู้เหตุของมันหรือไม่)
|
|
|
Post by him on Mar 4, 2023 12:38:22 GMT 7
🙏🏻🙏🏻🙏🏻กราบครูฮิมค่ะ เช้านี้ ตอนลงนั่งสมาธิ ตอนท้ายๆๆ ชม. จิตสงบ ว่าง แล้วเค้าค่อยๆๆเคลื่อนไปในส่วนต่างๆๆ ของร่างกาย เห็นกระดูก และเนื้อ ตามส่วนต่างๆๆ เค้าเคลื่อนไหวช้าๆ และสงบ รวม นิ่ง เย็น และสุดท้ายพิจารณา ภาพรวมของร่างกายทั้งร่าง ว่าทุกคนเกิดมาตามเหตุและปัจจัยที่สะสมมา ขอน้อมกราบครูฮิมค่ะ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻 อนุโมทนานะครับ
|
|
|
Post by him on Mar 4, 2023 12:39:16 GMT 7
Session ครูตุลย์ ep.323 ศ.3/3/65 ไลฟ์แชท Q&A ตอบโดยครูฮิม
Q น้อย: หนูเคยเป็นเหมือนแม่ชีค่ะ หมุนบนหัว บางทีก็ หมุนเหวี่ยงทั้งตัว หนูปฏิบัติครั้งแรก โดยการเดินรู้ว่าเดินตลอดเวลาในช่วงนั้นกับสวดมนต์ เวลาทำสมาธิเหมือนจะมีอะไรทะลุออกจากหัว น่ากลัวมาก แต่มันไม่ออกค่ะ พอไม่สนใจมันก็ไม่หมุน แต่หนูเหมือนเลิกปฏิบัติไปเลยนะคะ เพิ่งกลับมาทำตอนเข้ากลุ่มนี้
A ครูฮิม: เวลาเกิดอาการหมุน ให้ดูไปเลยว่า เกิดจากสัญชาตญาณบางอย่างที่เห็นว่าแรงหมุนจะ “สลัด” ทุกอย่างออกจากกายใจนี้จนว่าง ให้ดูใจที่อยากสลัดนั้น แล้วจะหยุดหมุนครับ
Q น้อย: ใช่ ๆ ค่ะพอมีความคิดช่วงแรกจะมีสร้างลมหมุนบนหัวขึ้นมาเอง ความคิดก็หายไปจริง ๆ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะทำตามแนวทางวิปัสสนามาตามลำดับ ไม่เป็นแบบเดิมแล้วค่ะ ดีขึ้นมาก ๆ แต่มันจะมีความหมุนแบบหนึ่งที่อยู่นอกหัวด้วยค่ะ แต่ไม่รู้คืออะไร พอปล่อยไปไม่สนใจก็หายไปเอง
A ครูฮิม: ไม่มีอะไรหลุดออกมามี แต่การพอกสัญญาให้ยึดมันว่า หากเมื่อไหร่ประสบกับอะไรที่ไม่พอใจ ต้องหมุนเหวี่ยงออกทันที
และยิ่งทำและยิ่งทำสัญญาตัวนี้ยิ่งฝังแน่น จนกลายเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ
Q กวาง: ขออนุญาตสอบถามครูฮิมนะคะ ถ้ามีอาการแบบนี้ไม่ได้หมุน แต่เป็นแบบนิ่ง ชา ไม่ทำงาน เหมือนเส้นพลังงานอะไรกลางกระหม่อมเชื่อมแกนกลางตัวมันไม่ทำงาน คือคิดว่าไม่ต้องไปสนใจ มันปฏิบัติไป เดี๋ยวก็หายไปเองใช่ไหมคะ (คิดว่าน่าจะหายแล้วมั้งคะตอนนี้ พอมาปฏิบัติฟื้นตัวมาเป็นสเต็ปโดยตลอดเลยค่ะ)
คำคำถามคือ อาการแบบนี้ของตัวเอง ไม่ต้องสนใจมันใช่ไหมคะ
A ครูฮิม: ส่วนใหญ่ความเคยชินทางกายและทางจิตทั้งหลายเป็นวิบากที่เกิดไปแล้ว วิธีไม่มีอะไร ก็ทำตามลำดับปรกติให้มีจิตเปิด แผ่ออก ทรงเมตตา กรุณา ตั้งมั่น แล้วพอเกิดอาการใดก็ตาม ไม่จำกัดเฉพาะอาการนี้ ให้เห็นเป็นสิ่งอื่น พร้อมลมหายใจ ยิ่งหากจิตแผ่กว้าง มีความตั้งมั่น จะยิ่งวางได้เร็ว เพราะเห็นเป็นของเกิน
Q น้อย: ได้ค่ะพี่ฮิม ขอบคุณค่ะ
Q กวาง: อันนี้ตอบกวางด้วยใช่มั้คะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากครับพี่ยู
|
|
|
Post by him on Mar 4, 2023 12:42:17 GMT 7
คำถามจาก เอ๋ jit
กราบครูฮิมค่ะ ขอรายงานสภาวะเดินย้อนหลังค่ะ วันนี้รับรู้สภาวะการดูดติดรับรู้แค่เท้ากระทบอย่างเดียวแบบที่เคยชินอยู่ พอครูฮิมพูดถึงเจตนามันเหมือนเข้าใจแล้วตื่นเลยค่ะ กลับพลิกมารู้ขั่วภาพรวมแทนค่ะ สิ่งที่เปลี่ยนไปของจิตคือ ที่เบาอยู่แล้วก็เบาขึ้นอีกโปร่งเย็นค่ะ แบบเหมือนหลุดสายใยเจตนาที่โดดดูดติดอยู่ขัดเจนค่ะ ขอบคุณครูค่ะ
สอบถามครูค่ะ จิตเอ๋ถ้าตั้งมั่นแล้วจะจับที่เท้ากระทบเป็นอัตโนมัติเลยค่ะ ระหว่างวันก็เป็นค่ะ เหมือนโดนดูดติดอยู่ ควรทำไงดีค่ะ กราบครูฮิมแนะนำค่ะ ประเด็นไม่ได้ให้เกลียดภาวะดูดติด และมุ่งเป้าต้องหลุดจากอุปาทาน แต่จุดสำคัญอยู่ตรงนี้เราจะปรับจิตของเราให้เริ่มต้นดั่งนักศึกษา ที่ไม่รีบตีค่าสิ่งต่างๆ ว่าดีควรเอา หรือแย่ควรผลักออก และไม่มองว่ากุศลคือเป้าแล้วไปล็อกติดอยู่ หรือมองว่าอกุศลคือเป้าอีกแบบที่ต้องเดินจากมา ทุกอย่างคือปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดตรงหน้า หากปรับจิตให้เป็นดั่งนักศึกษาได้ แม้จุดที่แย่ไม่เอาไหนเลย ก็เป็นทรัพยากรแห่งการคืบหน้าไปทางธรรมได้ดีครับ ดังนั้น อาการโดนดูดติด เพียงแค่รู้ว่าโดนดูดอยู่ ก็ดีมากแล้ว เห็นว่าเป็นสิ่งอื่น ไม่ใช่ลมหายใจ และมีลมหายใจเกิดพร้อม ส่วนมันจะหลุดหรือไม่ ไม่สำคัญเลย
|
|
|
Post by เอ Nava on Mar 4, 2023 15:22:22 GMT 7
กราบสวัสดีครูฮิมค่ะ
ขออนุญาตรายงานจาก รตต ตีสี่ครึ่ง และรีรันในรวมญาติรอบเช้าค่ะ
รอบตีสี่ครึ่ง ที่เด่นๆ คือ - มีสภาวะงงๆ กับการไม่รู้ว่าจะไปยึดอะไรดี - บางครั้งมารู้ลมหายใจได้ จิตรีบจับลมเลยค่ะ - จิตมีเจตนาพยายามแยกว่า จะรู้ลม กับ สิ่งอื่นที่ไม่ใช่ลม - บางครั้ง จิตเหนื่อย ก็หยุดความพยายามทุกอย่าง ยอมจำนนมารับรู้ลม กับ สิ่งที่ไม่ใช่ลม แบบธรรมชาติ - ทั้งหมดข้างต้น เกิดสลับไปมาค่ะ - สุดท้าย ตอนแผ่เมตตาเสร็จ เกิดอาการรับรู้ถึงพลังควบแน่นอย่างใหญ่ เข้ากลางตัว จนรู้สึกเหมือนจะรับพลังนั้นไม่ไหว สักพักจึงคลี่คลายลงค่ะ
รอบรีรัน 9.00
รอบนี้ ต่างกับตอนเช้ามืดอย่างสิ้นเชิงค่ะ จิตไม่มีอาการงง สับสนแล้ว จิตรับรู้ลม กับ อย่างอื่นที่ไม่ใช่ลม ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เห็นทุกอย่างเหมือนสายน้ำที่เคลื่อนไหลไป เห็นเจตนาอัตโนมัติกับภาวะรู้ บางครั้ง เผลอคิด ก็กลับมารู้แบบเดิม ส่วนใหญ่จะเห็นสังขารขันธ์ กับวิญญาณขันธ์ เห็นฉันทราคะในความพอใจกับสภาวะที่ดำเนินอยู่ กับอัตตาที่แทรกอยู่เบื้องหลังความพอใจนั้น ขอจบรายงานเท่านี้ค่ะ
กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะครู🙏
|
|
|
Post by him on Mar 4, 2023 16:05:03 GMT 7
กราบสวัสดีครูฮิมค่ะ
ขออนุญาตรายงานจาก รตต ตีสี่ครึ่ง และรีรันในรวมญาติรอบเช้าค่ะ
รอบตีสี่ครึ่ง ที่เด่นๆ คือ - มีสภาวะงงๆ กับการไม่รู้ว่าจะไปยึดอะไรดี - บางครั้งมารู้ลมหายใจได้ จิตรีบจับลมเลยค่ะ - จิตมีเจตนาพยายามแยกว่า จะรู้ลม กับ สิ่งอื่นที่ไม่ใช่ลม - บางครั้ง จิตเหนื่อย ก็หยุดความพยายามทุกอย่าง ยอมจำนนมารับรู้ลม กับ สิ่งที่ไม่ใช่ลม แบบธรรมชาติ - ทั้งหมดข้างต้น เกิดสลับไปมาค่ะ - สุดท้าย ตอนแผ่เมตตาเสร็จ เกิดอาการรับรู้ถึงพลังควบแน่นอย่างใหญ่ เข้ากลางตัว จนรู้สึกเหมือนจะรับพลังนั้นไม่ไหว สักพักจึงคลี่คลายลงค่ะ
รอบรีรัน 9.00
รอบนี้ ต่างกับตอนเช้ามืดอย่างสิ้นเชิงค่ะ จิตไม่มีอาการงง สับสนแล้ว จิตรับรู้ลม กับ อย่างอื่นที่ไม่ใช่ลม ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เห็นทุกอย่างเหมือนสายน้ำที่เคลื่อนไหลไป เห็นเจตนาอัตโนมัติกับภาวะรู้ บางครั้ง เผลอคิด ก็กลับมารู้แบบเดิม ส่วนใหญ่จะเห็นสังขารขันธ์ กับวิญญาณขันธ์ เห็นฉันทราคะในความพอใจกับสภาวะที่ดำเนินอยู่ กับอัตตาที่แทรกอยู่เบื้องหลังความพอใจนั้น ขอจบรายงานเท่านี้ค่ะ
กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะครู🙏
ดีแล้วครับ ได้ถอนนิสัยของจิตปรกติ (ที่ทุกคนต้องเป็น) นั่นคือ เอาอัตตา และความจงใจมาปฏิบัติธรรม มาดูลมหายใจ จนการปฏิบัติสามารถทำได้โดยไร้รูปแบบ (ไร้รูปแบบก็คือไม่มีการคาดหวัง หรือใส่ตัณหาล่วงหน้า) ครับ
|
|
|
Post by ส้ม Nawaliw on Mar 5, 2023 12:33:29 GMT 7
พี่ฮิมคะ
วันนี้ (5 มี.ค. 66) ส้มร่วมเดินกับสหธรรมิกวรการรอบเช้าจากซูมค่ะ ตอนทำท่าเคลียร์กาย 5 ท่า แผ่เมตตา มุฑิตาก็ยังรู้สึกเบากายเบาจิตคล้าย ๆ ที่ปกติร่วมเดินจงกรมในคลาสอื่น ๆ ค่ะ
ทีนี้พอเข้าช่วงดูเจตนา ดูอัตตา ก็ง่วง มืด ไม่ค่อยเห็นเจตนาหรืออัตตาค่ะ ส่วนใหญ่มันทึบ มืด ง่วงค่ะ แต่ตอนที่พี่ฮิมบอกว่า คิดว่าตัวเราเป็นคนทำ ช่วงนั้นมันคิดง่ายขึ้น และตัวทึบ หนักขึ้นมา อันนี้รู้สึกได้ชัดค่ะ
เรื่องความง่วง มืด ทึบ มองไม่เห็นเจตนา จะต้องยังไงกับตอนนั้นดีคะ มองและยอมรับไปเฉย ๆ ว่า มันเป็นแบบนั้นเลยไหมคะ
|
|
หลิว
New Member
Posts: 8
|
Post by หลิว on Mar 6, 2023 3:42:27 GMT 7
ช่วงนี้เป็นอะไรที่ยากมากเลยค่ะ พอความขัดเคืองที่แพ้ทางย้อนมา ใจดูไม่ค่อยเปิดรับธรรมะค่ะพี่ฮิม แผ่กรุณาอย่างมากก็ให้กับขันธ์ตัวเอง จนได้ฟังไลฟ์พี่ฮิมสอนที่วรกานต์ช่วงเช้า จุดพลิกคือตอนที่พี่ฮิมบอกว่า “กายนี้ไม่มีตัวเรา แต่ความรู้สึกว่ามีตัวเรายังปรากฏอยู่” กับ “เห็นการปฏิบัติเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของกุศลเดินถอยหลัง” กระทบใจเข้าอย่างจังเลยค่ะ เหมือนก้อนทุกข์กลางอก...ที่เหมือนก้อนดินแข็งๆ แตกกระจาย ความเบาเกิด มีสุข มีความชุ่มชื้นตามมา เริ่มสว่าง ที่ชัดสุดคือมีความอบอุ่นใจจากพระธรรม
พี่ฮิมคะ เราจะสามารถแผ่เมตตาและกรุณาให้กับบุคคลที่เราไม่ชอบได้จริงๆ หรอคะ
|
|
|
Post by him on Mar 8, 2023 8:50:31 GMT 7
พี่ฮิมคะ
วันนี้ (5 มี.ค. 66) ส้มร่วมเดินกับสหธรรมิกวรการรอบเช้าจากซูมค่ะ ตอนทำท่าเคลียร์กาย 5 ท่า แผ่เมตตา มุฑิตาก็ยังรู้สึกเบากายเบาจิตคล้าย ๆ ที่ปกติร่วมเดินจงกรมในคลาสอื่น ๆ ค่ะ
ทีนี้พอเข้าช่วงดูเจตนา ดูอัตตา ก็ง่วง มืด ไม่ค่อยเห็นเจตนาหรืออัตตาค่ะ ส่วนใหญ่มันทึบ มืด ง่วงค่ะ แต่ตอนที่พี่ฮิมบอกว่า คิดว่าตัวเราเป็นคนทำ ช่วงนั้นมันคิดง่ายขึ้น และตัวทึบ หนักขึ้นมา อันนี้รู้สึกได้ชัดค่ะ
เรื่องความง่วง มืด ทึบ มองไม่เห็นเจตนา จะต้องยังไงกับตอนนั้นดีคะ มองและยอมรับไปเฉย ๆ ว่า มันเป็นแบบนั้นเลยไหมคะ บางครั้งผมก็เข้มงวดมากไปหน่อย ก่อนจะเห็นเจตนา วิธีที่ดีที่สุดคือ ทำให้จิตเปิด ว่างจากกลางอก หรือกลางตัว กายระงับ มีความสว่าง แล้วตอนนั้นเวลาดูเจตนาจะง่ายครับ ส่วนที่หนักเนี่ย อันนี้ต้องโทษผมได้เลย เพราะตั้งใจไกด์ให้เห็นอัตตา จนภาวะรวมของห้องมันหนักขึ้นมา
|
|
|
Post by him on Mar 8, 2023 8:51:58 GMT 7
ช่วงนี้เป็นอะไรที่ยากมากเลยค่ะ พอความขัดเคืองที่แพ้ทางย้อนมา ใจดูไม่ค่อยเปิดรับธรรมะค่ะพี่ฮิม แผ่กรุณาอย่างมากก็ให้กับขันธ์ตัวเอง จนได้ฟังไลฟ์พี่ฮิมสอนที่วรกานต์ช่วงเช้า จุดพลิกคือตอนที่พี่ฮิมบอกว่า “กายนี้ไม่มีตัวเรา แต่ความรู้สึกว่ามีตัวเรายังปรากฏอยู่” กับ “เห็นการปฏิบัติเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของกุศลเดินถอยหลัง” กระทบใจเข้าอย่างจังเลยค่ะ เหมือนก้อนทุกข์กลางอก...ที่เหมือนก้อนดินแข็งๆ แตกกระจาย ความเบาเกิด มีสุข มีความชุ่มชื้นตามมา เริ่มสว่าง ที่ชัดสุดคือมีความอบอุ่นใจจากพระธรรม พี่ฮิมคะ เราจะสามารถแผ่เมตตาและกรุณาให้กับบุคคลที่เราไม่ชอบได้จริงๆ หรอคะ แผ่ได้จริงครับ แต่ต้องเริ่มต้นจากการติดใจในความสุขจากการแผ่เมตตาให้กับคนที่เรารัก และรู้สึกดีก่อน จากนั้นก็ฝึกแผ่ให้คนที่เราไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขา จนฉันทะ หรือความชอบให้เมตตาเกิดกับเรา เมื่อนั้นเราจะเริ่มหวงโทสะ และความอาฆาตต่ออริของเราน้อยลง จนเราแผ่ให้เขาได้ในที่สุด (แน่นอนว่าต้องใช้เวลา)
|
|