Post by Admin on Feb 22, 2023 19:40:34 GMT 7
ไลฟ์เช้าวันพุธที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๖๖
รู้ไหมครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าเอาคนฟุ้งซ่านมานั่งทำสมาธิด้วยกันพันคน
ผลลัพธ์คือความอึดอัดในอากาศ
และการตอกย้ำอารมณ์เกลียดการนั่งสมาธิยิ่งขึ้น
แต่ถ้าเอาคนจิตเปิดมาแผ่เมตตาและกรุณาด้วยกัน
ผลลัพธ์จะเป็นอย่างที่พวกเราประสบกันแล้ว
เช้านี้ผมมาอธิบาย
ก็เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน
คุณจะก้าวข้ามความเชื่อมาสู่การรู้จริง
ก็ต่อเมื่อเกิดประสบการณ์กับตัว
ตลอดจนเข้าใจต้นสายปลายเหตุชัดเจนพอ
ถ้าไม่มีเครื่องส่งดีๆ
สัญญาณก็ออกมาไม่ชัด
ตอนนี้เราได้เครื่องส่งดีๆหลายสิบเครื่อง
แต่ในทางกลับกัน
ถ้าเครื่องรับของเราเองไม่มีคุณภาพ
ต่อให้สัญญาณทรงพลังชัดแค่ไหนก็อู้อี้
ความหมายของผม คือ
เพียงคุณมีจิตเปิด
เท่ากับมีเครื่องรับดี
เมื่อมาอยู่กับเครื่องส่งที่มีกำลังมหาศาลด้วย
ก็เท่ากับช่วยกันสร้างเครือข่ายความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
ตอนพวกเรามารวมกันร้อยคน
คุณเป็นหนึ่งในร้อยที่มีจิตเปิดแล้วแผ่เมตตากรุณา
ความหมายคือจิตคุณ
เป็นเครื่องกระจายสัญญาณออกไป ๑ หน่วย
ขณะเดียวกัน จิตของคุณก็ทำตัวเป็นเครื่องรับสัญญาณ
จากเพื่อนร่วมทีมมา ๙๙ หน่วยด้วย
ตอนที่รู้สึกว่ามีคลื่นซัดกลับมาท่วมท้น
คือตอนที่คุณได้รับพลังจากเพื่อนๆ
ถ้ารับเรื่อยๆทุกวัน
โดยเฉพาะสำหรับบางคนที่รับวันละหลายๆรอบ
ก็จะเกิดพลังบางอย่างพอกพูนขึ้น
ขับไล่สิ่งที่เป็นอัปมงคลออกจากชีวิต
และเหมือนเปิดประตูรับสิ่งที่เป็นมงคลเข้ามา
หลายคนถามว่า
ถ้าการแผ่กรุณาดีอย่างนี้
ทำไมไม่ไกด์ให้แผ่ร่วมกันเสียแต่ปีก่อน
คำตอบคือ ปีก่อนสมาชิกในทีมส่วนใหญ่
มีเพดานของจิตแค่รู้สึกดี รู้สึกเย็น
น้อยคนที่จิตฉายแสงออก
หรือเปิดกว้างสว่างว่างได้เป็นปกติ
ถ้าสอนให้แผ่กรุณาทั้งกำลังยังอ่อน
คุณจะแยกไม่ออกว่า
มันต่างกับการแผ่เมตตาปกติอย่างไร
แต่ตอนนี้เมื่อแยกออก
จะทำให้คุณเกิดความสามารถแยกแยะว่า
อย่างไหนอยู่ในระดับเมตตา
อย่างไหนอยู่ในระดับกรุณา
รวมทั้งอธิบายตัวเองถูกว่าเหตุใดกระแสแบบนี้
จึงทำให้ความหงุดหงิดงุ่นง่าน
คิดไม่ดี มีโทสะระหว่างวันน้อยลง
และที่สำคัญสูงสุด
คือคุณรู้ว่าจะนำไปใช้เป็นฐานที่มั่น
ต่อยอดการรู้กายใจ
โดยความเป็นขันธ์ ๕ ได้อย่างไร
รู้ไหมครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าเอาคนฟุ้งซ่านมานั่งทำสมาธิด้วยกันพันคน
ผลลัพธ์คือความอึดอัดในอากาศ
และการตอกย้ำอารมณ์เกลียดการนั่งสมาธิยิ่งขึ้น
แต่ถ้าเอาคนจิตเปิดมาแผ่เมตตาและกรุณาด้วยกัน
ผลลัพธ์จะเป็นอย่างที่พวกเราประสบกันแล้ว
เช้านี้ผมมาอธิบาย
ก็เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน
คุณจะก้าวข้ามความเชื่อมาสู่การรู้จริง
ก็ต่อเมื่อเกิดประสบการณ์กับตัว
ตลอดจนเข้าใจต้นสายปลายเหตุชัดเจนพอ
ถ้าไม่มีเครื่องส่งดีๆ
สัญญาณก็ออกมาไม่ชัด
ตอนนี้เราได้เครื่องส่งดีๆหลายสิบเครื่อง
แต่ในทางกลับกัน
ถ้าเครื่องรับของเราเองไม่มีคุณภาพ
ต่อให้สัญญาณทรงพลังชัดแค่ไหนก็อู้อี้
ความหมายของผม คือ
เพียงคุณมีจิตเปิด
เท่ากับมีเครื่องรับดี
เมื่อมาอยู่กับเครื่องส่งที่มีกำลังมหาศาลด้วย
ก็เท่ากับช่วยกันสร้างเครือข่ายความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
ตอนพวกเรามารวมกันร้อยคน
คุณเป็นหนึ่งในร้อยที่มีจิตเปิดแล้วแผ่เมตตากรุณา
ความหมายคือจิตคุณ
เป็นเครื่องกระจายสัญญาณออกไป ๑ หน่วย
ขณะเดียวกัน จิตของคุณก็ทำตัวเป็นเครื่องรับสัญญาณ
จากเพื่อนร่วมทีมมา ๙๙ หน่วยด้วย
ตอนที่รู้สึกว่ามีคลื่นซัดกลับมาท่วมท้น
คือตอนที่คุณได้รับพลังจากเพื่อนๆ
ถ้ารับเรื่อยๆทุกวัน
โดยเฉพาะสำหรับบางคนที่รับวันละหลายๆรอบ
ก็จะเกิดพลังบางอย่างพอกพูนขึ้น
ขับไล่สิ่งที่เป็นอัปมงคลออกจากชีวิต
และเหมือนเปิดประตูรับสิ่งที่เป็นมงคลเข้ามา
หลายคนถามว่า
ถ้าการแผ่กรุณาดีอย่างนี้
ทำไมไม่ไกด์ให้แผ่ร่วมกันเสียแต่ปีก่อน
คำตอบคือ ปีก่อนสมาชิกในทีมส่วนใหญ่
มีเพดานของจิตแค่รู้สึกดี รู้สึกเย็น
น้อยคนที่จิตฉายแสงออก
หรือเปิดกว้างสว่างว่างได้เป็นปกติ
ถ้าสอนให้แผ่กรุณาทั้งกำลังยังอ่อน
คุณจะแยกไม่ออกว่า
มันต่างกับการแผ่เมตตาปกติอย่างไร
แต่ตอนนี้เมื่อแยกออก
จะทำให้คุณเกิดความสามารถแยกแยะว่า
อย่างไหนอยู่ในระดับเมตตา
อย่างไหนอยู่ในระดับกรุณา
รวมทั้งอธิบายตัวเองถูกว่าเหตุใดกระแสแบบนี้
จึงทำให้ความหงุดหงิดงุ่นง่าน
คิดไม่ดี มีโทสะระหว่างวันน้อยลง
และที่สำคัญสูงสุด
คือคุณรู้ว่าจะนำไปใช้เป็นฐานที่มั่น
ต่อยอดการรู้กายใจ
โดยความเป็นขันธ์ ๕ ได้อย่างไร